แชร์

หมดปัญหาไฟตก–ไฟดับด้วย "เครื่องปั่นไฟ" ที่ทุกบ้านไหนก็ต้องมี

อัพเดทล่าสุด: 8 ธ.ค. 2025
44 ผู้เข้าชม

เครื่องปั่นไฟกลายเป็นอุปกรณ์สำคัญในงานปัจจุบัน เพราะทุกธุรกิจต้องพึ่งพาไฟฟ้าที่ต่อเนื่องและเสถียร แม้เพียงไฟดับไม่กี่นาทีก็อาจกระทบงาน ผลผลิต หรือความปลอดภัยได้อย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นร้านค้า โรงงาน หรือสำนักงานล้วนต้องมีระบบสำรองพลังงานไว้ใช้งาน นอกจากนี้งานก่อสร้าง งานภาคสนาม และอีเวนต์กลางแจ้งต่างก็ต้องใช้พลังงานจากเครื่องปั่นไฟเพื่อให้กิจกรรมดำเนินต่อได้อย่างราบรื่น รวมถึงการใช้งานในบ้านที่ต้องการความสะดวกและไม่สะดุดเมื่อต้องเจอเหตุฉุกเฉิน ปัจจุบันยังมีเครื่องปั่นไฟแบบพกพาที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ใหม่ เช่น แคมป์ปิ้งและงานคอนเทนต์ ทำให้ทุกคนเข้าถึงพลังงานได้ง่ายขึ้น ดังนั้นเครื่องปั่นไฟจึงเป็นตัวช่วยสำคัญที่ทำให้งานทุกประเภทเดินหน้าได้อย่างมั่นใจในทุกสถานการณ์.

เครื่องปั่นไฟคืออะไร?

เครื่องปั่นไฟคืออุปกรณ์ผลิตกระแสไฟฟ้าโดยใช้พลังงานจากเครื่องยนต์ เช่น น้ำมันเบนซิน ดีเซล หรือระบบพลังงานอื่น ๆ แล้วแปลงพลังงานกลเป็นพลังงานไฟฟ้าเพื่อใช้งานแทนระบบไฟฟ้าปกติ เครื่องปั่นไฟถูกออกแบบมาเพื่อให้ไฟสำรองในช่วงไฟดับ หรือใช้ในพื้นที่ที่ไม่มีไฟฟ้า เช่น ไซต์งานก่อสร้าง งานกลางแจ้ง บ้านพักอาศัย ร้านค้า และอุตสาหกรรมต่าง ๆ ปัจจุบันมีทั้งรุ่นขนาดเล็กแบบพกพาไปจนถึงรุ่นใหญ่สำหรับงานหนัก ทำให้ผู้ใช้งานสามารถเลือกกำลังไฟตามความต้องการได้อย่างเหมาะสม

ประเภทของเครื่องปั่นไฟ

1.เครื่องปั่นไฟเบนซิน (Gasoline Generator)

  • เหมาะสำหรับงานเบากลาง เช่น ใช้ในบ้าน ร้านค้า หรือกิจกรรมกลางแจ้ง จุดเด่นคือราคาไม่สูง สตาร์ทง่าย เสียงไม่ดังมาก

2. เครื่องปั่นไฟดีเซล (Diesel Generator)

  • ให้พลังงานเสถียร ทนทาน ประหยัดน้ำมัน เหมาะกับงานหนัก เช่น โรงงาน ธุรกิจ หรือใช้งานต่อเนื่องยาวนาน

3. เครื่องปั่นไฟอินเวอร์เตอร์ (Inverter Generator)

  • ให้กระแสไฟฟ้านิ่งที่สุด ปลอดภัยต่ออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เสียงเบา ขนาดกะทัดรัด เหมาะกับบ้าน คอนโด แคมป์ปิ้ง หรือใช้งานไลฟ์สด

4. เครื่องปั่นไฟแบบพกพา (Portable Generator)

  • ขนาดเล็ก เคลื่อนย้ายง่าย ใช้สำหรับงานกลางแจ้ง งานอีเวนต์ หรือกรณีฉุกเฉิน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความคล่องตัว

5. เครื่องปั่นไฟอุตสาหกรรม (Industrial Generator)

  • ขนาดใหญ่ กำลังไฟสูง ใช้กับโรงงาน อาคารขนาดใหญ่ หรือระบบสำรองไฟขององค์กร เหมาะสำหรับใช้งานต่อเนื่องหลายชั่วโมง

6. เครื่องปั่นไฟพลังงานทางเลือก (Solar / Hybrid Generator)

  • ใช้พลังงานแสงอาทิตย์หรือร่วมกับเครื่องยนต์ ลดค่าใช้จ่ายและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เหมาะกับพื้นที่ห่างไกลหรือผู้ที่ต้องการพลังงานสะอาด

ข้อดีของเครื่องปั่นไฟ

  1. ใช้เป็นไฟสำรองยามฉุกเฉิน ช่วยให้เครื่องใช้ไฟฟ้าและงานต่าง ๆ ทำงานต่อได้แม้ไฟดับ ลดความเสียหายและความไม่สะดวก
  2. ใช้งานได้ในพื้นที่ไม่มีไฟฟ้า เหมาะสำหรับงานก่อสร้าง งานภาคสนาม แคมป์ปิ้ง หรือกิจกรรมกลางแจ้งที่ต้องการพลังงาน
  3. รองรับงานได้หลากหลาย มีหลายขนาดและกำลังไฟ ตั้งแต่รุ่นเล็กสำหรับบ้านจนถึงรุ่นใหญ่สำหรับโรงงาน ทำให้เลือกใช้ให้เหมาะกับงานได้ง่าย
  4. ช่วยให้ธุรกิจดำเนินต่อเนื่อง ร้านค้า โรงงาน หรือสำนักงานสามารถทำงานต่อได้โดยไม่หยุดชะงัก ส่งผลดีต่อรายได้และบริการลูกค้า
  5. พกพาง่ายและใช้งานสะดวก (ในรุ่นพกพา) เครื่องขนาดเล็กมีน้ำหนักเบา เงียบ และประหยัด เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความคล่องตัว
  6. ให้ไฟฟ้านิ่งและปลอดภัย (ในรุ่นอินเวอร์เตอร์) ช่วยป้องกันความเสียหายของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เช่น คอมพิวเตอร์ ทีวี หรืออุปกรณ์ไลฟ์สด
  7. ตัวเลือกเชื้อเพลิงหลากหลาย ทั้งเบนซิน ดีเซล แก๊ส หรือโซลาร์เซลล์ ช่วยให้ผู้ใช้งานเลือกในแบบที่ประหยัดและเหมาะกับสภาพงานมากที่สุด

ข้อควรระวังของเครื่องปั่นไฟ

  1. ห้ามใช้ในพื้นที่ปิดหรืออากาศไม่ถ่ายเท ไอเสียจากเครื่องปั่นไฟมีคาร์บอนมอนอกไซด์ ซึ่งเป็นอันตรายถึงชีวิต ควรตั้งเครื่องในที่โล่งเท่านั้น
  2. ห้ามวางใกล้วัสดุไวไฟ ไอเสียและเครื่องยนต์มีความร้อนสูง อาจทำให้เกิดไฟไหม้ได้ ควรตั้งห่างจากน้ำมัน ผ้า กระดาษ หรือสารติดไฟอื่น ๆ
  3. ตรวจเช็กระดับน้ำมันและน้ำหล่อเย็นเสมอ น้ำมันเครื่องต่ำหรือเครื่องร้อนเกินไปอาจทำให้เกิดความเสียหายรุนแรงต่อเครื่องยนต์
  4. ไม่ควรโอเวอร์โหลด (ใช้ไฟเกินกำลัง) การใช้งานโหลดเกินกำลังเครื่องจะทำให้แรงดันตก เครื่องดับ หรืออุปกรณ์ไฟฟ้าชำรุด
  5. ห้ามสัมผัสขณะเครื่องทำงาน ส่วนเครื่องยนต์และท่อไอเสียมีความร้อนสูง รวมถึงชิ้นส่วนหมุนที่อาจเกิดอันตรายได้
  6. ใช้สายไฟคุณภาพและต่อสายอย่างถูกต้อง การต่อสายผิดหรือใช้สายคุณภาพต่ำอาจทำให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจรหรือไฟไหม้
  7. ปิดเครื่องก่อนเติมน้ำมันทุกครั้ง เพื่อป้องกันประกายไฟหรือการลุกติดไฟจากไอระเหยของน้ำมัน

คุณสมบัติที่ควรพิจารณาก่อนเลือกซื้อ

  • กำลังไฟ (Power Output / Watt หรือ kVA) ต้องเลือกให้ พอ กับอุปกรณ์ที่จะใช้งานจริง ถ้ากำลังไฟน้อยเกินไป อาจทำให้ไฟตก / เครื่องดับ / ใช้งานไม่ครบ แต่ถ้ามากเกินไปก็เสียเปล่า และสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง 
  • ประเภทเชื้อเพลิง / ประเภทเครื่อง (เบนซิน, ดีเซล, อินเวอร์เตอร์, พกพา ฯลฯ) แต่ละประเภทเหมาะกับงานคนละแบบ เช่น ถ้าใช้งานเบา หรือในบ้าน อาจเลือก เบนซิน หรือ อินเวอร์เตอร์ แต่ถ้าเป็นโรงงานหรือใช้งานหนัก ควรใช้ ดีเซล/เครื่องขนาดใหญ่
  • ความเสถียรของไฟ (Voltage / Frequency Stability / Clean Power) ถ้าไฟไม่เสถียรอาจทำให้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เสียหาย โดยเฉพาะคอมพิวเตอร์ กล้อง โทรศัพท์ หรืออุปกรณ์สำคัญต่าง ๆ
  • ระยะเวลาทำงานต่อเนื่อง & อัตราการกินเชื้อเพลิง (Runtime / Fuel Efficiency) ถ้าต้องใช้ไฟฟ้าต่อเนื่องยาวนาน ควรเลือกเครื่องที่ กินน้ำมันน้อย / ถังใหญ่ / ประหยัด เพื่อไม่ต้องเติมน้ำมันบ่อย และประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว
  • ระดับเสียง (Noise Level) ถ้าใช้งานในบ้าน คอนโด หรือพื้นที่ที่ใกล้คน ควรเลือกเครื่องที่เสียงเบา เช่น รุ่นอินเวอร์เตอร์ หรือมีระบบเก็บเสียง เพื่อลดความรบกวน
  • ความสะดวกในการเคลื่อนย้าย / ขนาด / น้ำหนัก (Portability / Size / Weight) ถ้าคุณต้องย้ายบ่อย เช่น ใช้กลางแจ้ง งานภาคสนาม หรือย้ายไซต์งานบ่อย ควรเลือกเครื่องขนาดกะทัดรัด มีล้อหรือหูหิ้ว ง่ายต่อการเคลื่อนย้าย
  • ฟีเจอร์เสริม และระบบความปลอดภัย (Safety & Extra Features) เช่น ระบบตัดไฟเมื่อน้ำมันต่ำ, ระบบป้องกันโอเวอร์โหลด, AVR/Voltage Regulator, การติดตั้งที่เหมาะสม เพื่อให้ใช้งานได้อย่างปลอดภัย และยืดอายุการใช้งานของเครื่องและอุปกรณ์ที่ต่อเข้าเครื่องปั่นไฟ
  • ความเหมาะสมกับงาน / แผนการใช้งานในอนาคต ถ้าซื้อเผื่อ ใช้งานพื้นฐาน กับ ใช้งานหนัก/ต่อเนื่อง/ขยาย ควรประเมินเผื่อไว้ตั้งแต่แรก เผื่ออนาคตต้องใช้ไฟเพิ่มหรือใช้กับเครื่องที่กินไฟมากขึ้น

เคล็ดลับการดูแลและบำรุงรักษาเครื่องปั่นไฟ

  1. ตรวจเช็กน้ำมันเครื่องและน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นประจำ เติมน้ำมันเครื่องและเชื้อเพลิงให้เหมาะสม ก่อนสตาร์ททุกครั้ง เพื่อป้องกันเครื่องสึกหรอหรือดับกลางคัน
  2. ตรวจสอบน้ำหล่อเย็นและระบบระบายความร้อน ถ้าเครื่องร้อนเกินไป อาจทำให้เครื่องยนต์เสียหาย ตรวจสอบน้ำหล่อเย็นและทำความสะอาดครีบระบายความร้อนตามคู่มือ
  3. ทำความสะอาดเครื่องและตัวกรองอากาศ ฝุ่นและสิ่งสกปรกทำให้เครื่องร้อนง่ายและลดประสิทธิภาพ ควรถอดกรองอากาศมาทำความสะอาดหรือเปลี่ยนตามระยะเวลา
  4. ตรวจสอบสายไฟและการต่อสาย สายไฟเก่า ชำรุด หรือการต่อสายผิดอาจทำให้ไฟฟ้าลัดวงจรหรืออุปกรณ์เสียหาย
  5. ทดสอบการสตาร์ทและโหลดเป็นระยะ แม้ไม่ได้ใช้งานบ่อย ควรสตาร์ทเครื่องและโหลดอุปกรณ์บางส่วนทุก 12 สัปดาห์ เพื่อให้เครื่องอยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน
  6. เก็บเครื่องในที่แห้ง และห่างจากแสงแดดหรือฝน ความชื้นและแสงแดดจัดทำให้เครื่องสึกหรอเร็วขึ้น และเพิ่มโอกาสเกิดสนิม
  7. บำรุงรักษาตามคู่มือผู้ผลิต เช่น เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องตามระยะ, ตรวจเช็กหัวเทียน, ระบบแบตเตอรี่, สายพาน หรือชิ้นส่วนสึกหรอต่าง ๆ

แนะนำสินค้า

เครื่องปั่นไฟเบนซิน INGCO รุ่น GE8002

  • กำลังไฟสูงสุด: 0.8kW (800 วัตต์) และกำลังไฟสุทธิปกติ 0.65kW (650 วัตต์) เหมาะกับงานเบา เช่น ไฟส่องสว่าง, พัดลม, หรืออุปกรณ์ใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก
  • แรงดันไฟฟ้า / ความถี่: 220240 โวลต์, 50 Hz ใช้งานกับปลั๊ก-ไฟทั่วไปในบ้านหรือร้านค้าได้โดยตรง
  • เครื่องยนต์: แบบ 2 จังหวะ (2stroke), 63 ซีซี, ระบบระบายความร้อนแบบ อากาศ (aircooled)
  • ถังน้ำมัน: ความจุ 4.0 ลิตร ให้ระยะเวลาทำงานที่เหมาะสมสำหรับงานสั้น ๆ หรือไฟสำรองชั่วคราว
  • น้ำหนักเบา: ประมาณ 1616.5 กก. ทำให้เคลื่อนย้ายง่าย เหมาะกับงานที่ต้องย้ายตำแหน่งบ่อย เช่น งานกลางแจ้ง งานชั่วคราว หรือติดตั้งชั่วคราวในบ้าน
  • ระบบสตาร์ท: เป็นแบบ ดึงเชือก (Recoil starter) ใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อนเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเครื่องปั่นไฟใช้งานทั่วไปโดยไม่เน้นฟีเจอร์พิเศษ

เหมาะกับการใช้งานแบบไหน ?

  • งานในบ้าน เช่น ไฟสำรองเมื่อไฟดับ, เปิดไฟ+พัดลมในช่วงชั่วคราว
  • งานเบา-กลาง ร้านค้าเล็ก ๆ หรืออุปกรณ์ไฟฟ้าขนาดไม่ใหญ่นัก
  • ใช้ในพื้นที่ที่ต้องเคลื่อนย้ายบ่อย เช่น งานกลางแจ้ง แคมป์ปิ้ง หรือไซต์งานที่ไม่มีไฟฟ้าจากการไฟฟ้า
  • เป็นเครื่องปั่นไฟสำรองเมื่อฉุกเฉิน พกพาง่าย สตาร์ทง่าย

เครื่องปั่นไฟเบนซิน 2.8 กิโลวัตต์ VALU รุ่น VL3600

  • กำลังไฟฟ้าสูงสุด: 2.8kW และกำลังใช้งานต่อเนื่องประมาณ 2.22.5kW เหมาะกับงานทั่วไปถึงระดับกลาง เช่น บ้าน แสงสว่าง เครื่องมือไฟฟ้า หรืองานก่อสร้างขนาดเล็กกลาง
  • เครื่องยนต์: เบนซิน, สูบเดี่ยว 4จังหวะ, แรงม้า 6.5HP (196cc) ให้พลังเพียงพอและค่อนข้างทนทานสำหรับการใช้งานทั่วไป
  • ถังน้ำมันขนาดใหญ่: 15 ลิตร ช่วยให้ใช้งานได้นานขึ้นโดยไม่ต้องเติมน้ำมันบ่อย เหมาะกับงานต่อเนื่องหรือใช้เป็นแหล่งไฟสำรองยาว ๆ
  • ระบบสตาร์ท: สตาร์ทมือ (Recoil start) ใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน เหมาะกับคนทั่วไปที่ไม่ต้องการความยุ่งยากในการเริ่มต้นเครื่อง
  • เหมาะกับหลากหลายงาน: ตั้งแต่การใช้ไฟฟ้าในบ้านเมื่อไฟดับ งานงานก่อสร้าง งานซ่อม งานกลางแจ้ง หรืองานที่ต้องเคลื่อนย้ายบ่อย ๆ

จุดเด่นที่น่าสนใจ

  • กำลังไฟเพียงพอสำหรับหลายอุปกรณ์พร้อมกัน เหมาะสำหรับบ้านหรือร้านที่ต้องใช้ไฟหลายอย่างพร้อมกัน
  • ถังน้ำมันใหญ่ ใช้งานต่อเนื่องได้ยาว เหมาะกับงานระยะยาวหรือเวลาฉุกเฉิน
  • เครื่องยนต์ 4จังหวะ => เชื่อถือได้ว่าอึด ทน ประหยัดเชื้อเพลิงกว่าเครื่อง 2จังหวะ
  • ราคาคุ้มค่าเมื่อเทียบกับสเปกและประสิทธิภาพ เป็นตัวเลือกที่ดีถ้าต้องการเครื่องปั่นไฟที่ พอเพียง + ราคาย่อม

เหมาะกับการใช้งานแบบไหน ?

  • บ้านพักอาศัย / บ้านเล็กกลาง
    รุ่น 2.8kW เหมาะกับการจ่ายไฟให้ไฟส่องสว่าง พัดลม ทีวี หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็กกลาง ถ้าเป็นบ้านขนาดเล็กถึงกลาง ก็นับว่าเพียงพอสำหรับไฟสำรองเวลาฉุกเฉิน
  • ร้านค้าเล็ก ร้านอาหารขนาดเล็ก / ร้านค้าชั่วคราว
  • ถ้าเป็นร้านที่ไม่ใช้เครื่องใช้ไฟฟ้ากำลังสูงมาก เช่น ไฟส่องร้าน พัดลม เครื่องชาร์จไฟ ฯลฯ เครื่องนี้สามารถรองรับได้ เหมาะสำหรับร้านค้าขนาดเล็กกลาง
  • งานก่อสร้างขนาดเล็กกลาง / งานซ่อมบำรุง
  • ถ้าต้องใช้ไฟสำหรับอุปกรณ์ไฟฟ้าแรงไม่มาก เช่น ดริลล์ เลื่อยไฟฟ้าขนาดเล็ก เครื่องมือช่างต่าง ๆ หรือไฟส่องสว่างในไซต์งานขนาดเล็กกลาง VL3600 ถือว่าเหมาะ
  • ใช้งานนอกสถานที่ / เคลื่อนย้ายบ่อย / งานชั่วคราว
  • ถังน้ำมันใหญ่พอถอดเพื่อใช้งานต่อเนื่องได้ และพลังไฟเหมาะกับงานทั่วไป ถ้าคุณต้องใช้ไฟชั่วคราวในพื้นที่ที่ไม่มีไฟฟ้า (เช่น งานกลางแจ้ง งานชั่วคราว) รุ่นนี้เป็นตัวเลือกที่ดี
  • สำรองไฟยามฉุกเฉิน / ไฟดับเป็นครั้งคราว
  • สำหรับบ้าน, ร้าน, สถานที่เล็ก ๆ ที่ไฟฟ้าหลักอาจดับเป็นบางครั้ง ใช้ VL3600 เป็นไฟสำรอง เหมาะมาก

เครื่องปั่นไฟเบนซิน 5.5 kW HONDA รุ่น EZ6500CXS-R

  • เครื่องยนต์: ใช้ เครื่องยนต์ 4 จังหวะ รุ่น Honda GX390 สูบเดียว ระบายความร้อนด้วยอากาศ ขนาด 389 cc
  • กำลังไฟฟ้า: กำลังไฟ สูงสุด 5.5 kVA ( 5.5 kW) และ กำลังใช้งานปกติ ประมาณ 5.0 kW ( 5.0 kVA) ที่ 220 V / 50Hz 1 เฟส
  • ระบบควบคุมแรงดันไฟฟ้า: มาพร้อมระบบ AVR (Automatic Voltage Regulator) ช่วยให้แรงดันไฟฟ้าออกเสถียร ป้องกันความแปรปรวนของไฟฟ้าเมื่อโหลดเปลี่ยนแปลง
  • ถังน้ำมันขนาดใหญ่: ถังจุน้ำมันเชื้อเพลิงขนาด ~ 15.5 ลิตร ทำให้สามารถใช้ไฟได้นานต่อเนื่อง (โดยผู้ผลิตระบุว่าใช้งานติดต่อกันได้ราว 5.45.8 ชั่วโมง/ถัง)
  • ระบบสตาร์ท: มีทั้ง รีคอยล์ (ก้านดึง) และ สตาร์ทไฟฟ้า (กุญแจ/สวิทช์) สะดวกสำหรับการเริ่มใช้งานหลายครั้งโดยไม่ต้องลุยดึงเองทุกครั้ง
  • โครงสร้างและความทนทาน: ตัวเครื่องมีโครงเหล็ก แข็งแรง เหมาะกับการใช้งานภาคสนามหรือในสภาพงานที่ต้องทนต่อสภาพแวดล้อม และมีระบบป้องกันไฟเกิน / แรงดันไม่คง (AVR) ดูแลความปลอดภัยให้กับอุปกรณ์ที่ต่ออยู่

เหมาะกับการใช้งานแบบไหน ?

เครื่องนี้อยู่ในกลุ่ม เครื่องปั่นไฟเบนซินขนาดกลางค่อนข้างใหญ่ ที่ให้กำลังพอสำหรับงานหนักและการใช้งานต่อเนื่อง ดังนั้น เหมาะมากกับ:

  • งานก่อสร้าง / งานช่าง / สถานที่ก่อสร้าง: เช่น ใช้กับเครื่องมือไฟฟ้า (สว่าน, เครื่องตัด, เครื่องเชื่อมเล็ก-กลาง), ปั๊มน้ำ, เครื่องอัดลม, โคมไฟก่อสร้าง ที่ต้องการไฟฟ้ากำลังค่อนข้างสูง และแรงดันไฟฟ้าเสถียร
  • เกษตรกรรม / งานฟาร์ม / งานนอกบ้าน: สำหรับปั๊มน้ำ, เครื่องสูบน้ำ, งานที่ต้องใช้ไฟฟ้าชั่วคราวในพื้นที่ที่ไม่มีไฟฟ้าสาธารณะ (เช่น ไร่นา สวน ฟาร์ม)
  • ธุรกิจขนาดเล็ก หรือร้านค้าชั่วคราว: ถ้าต้องการสำรองพลังงานไฟฟ้า เช่น ร้านค้า ตลาดนัด ร้านอาหารเล็ก ๆ ในช่วงไฟดับ หรือที่ไฟฟ้าไม่เสถียร
  • เป็นแหล่งพลังงานสำรอง (Backup Power): สำหรับบ้านพัก อาคารสำนักงานขนาดเล็กกลาง, ร้านค้า, สำนักงานย่อย ที่ต้องการไฟฟ้าสำรองในกรณีไฟฟ้าดับ โดยเฉพาะถ้ามีโหลดไม่หนักมากแต่ต้องการไฟฟ้าที่เสถียร

ข้อจำกัด / สิ่งที่ควรพิจารณา

  • น้ำหนักค่อนข้างมาก (ประมาณ 80 กก.) ย้ายหรือเคลื่อนย้ายไม่สะดวกถ้าบ่อย ๆ
  • ถังน้ำมันและการใช้งานต่อเนื่องจำกัด ถังน้ำมันจุ ~ 15.5 ลิตร ใช้งานต่อเนื่องได้ราว 5.8 ชั่วโมง (ขึ้นอยู่กับโหลด)
  • ไม่เหมาะกับงานที่ต้องการ ไฟนิ่งพิเศษ / ความละเอียดสูง (เช่น อุปกรณ์ sensitive มาก ๆ) แม้มี AVR แต่ยังเป็นเครื่อง open-frame, non-inverter ทำให้แรงดัน/ความถี่ไฟฟ้าอาจมีความผันผวนมากกว่ารุ่นอินเวอร์เตอร์ เสี่ยงต่ออุปกรณ์ที่ไวต่อคุณภาพไฟฟ้า
  • เสียง/การสั่น เพราะเป็นเครื่องกำลังสูงและโครงเปิด อาจมีเสียง/แรงสั่น ค่อนข้างมาก ไม่เหมาะกับการใช้งานในบริเวณที่ต้องการความเงียบ
  • ไม่เหมาะกับ โหลดเบา-เล็กมาก ถ้ามีเครื่องขนาดเล็กหลายตัว เครื่องใหญ่และพลังเยอะ อาจสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเกินความจำเป็น ทำงานไม่คุ้มถ้าใช้แค่เล็กน้อย

เครื่องปั่นไฟ เบนซิน POLO รุ่น KT3500V-DC

  • กำลังไฟฟ้า: 2.5 กิโลวัตต์ (kW)
  • กำลังไฟฟ้าสูงสุด: ประมาณ 2.8 กิโลวัตต์ (kW)
  • แรงดันไฟฟ้า: 220 V, ความถี่ 50 Hz
  • เครื่องยนต์: เบนซิน 4 จังหวะ, สูบเดี่ยว วางเอียง 45° ระบายความร้อนด้วยอากาศ ขนาดประมาณ 208 ซีซี (208 ml)
  • กำลังเครื่องยนต์: 7.0 แรงม้า (HP)
  • ถังน้ำมันเชื้อเพลิง: ประมาณ 15 ลิตร
  • ระบบควบคุมแรงดันไฟฟ้าอัตโนมัติ (AVR) ทำให้ไฟที่ออกมีความคงที่ เหมาะกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์/ไฟฟ้าที่ต้องการไฟนิ่ง
  • ระบบมาตรวัดน้ำมัน, ระบบเตือนน้ำมันเหลือน้อย และระบบตัดไฟอัตโนมัติเมื่อสิ้นเชื้อเพลิง เพิ่มความปลอดภัยและช่วยป้องกันความเสียหายกับตัวเครื่อง
  • เวลาทำงานต่อเนื่อง (โดยประมาณ) อยู่ที่ราว 10 ชั่วโมง ต่อถังน้ำมันหนึ่งถัง ขึ้นกับภาระการใช้งาน

เหมาะกับการใช้งานแบบไหน ?

เนื่องจากเป็นเครื่องปั่นไฟขนาดเล็กขนาดเล็กกลาง (2.52.8 kW) ที่ให้ไฟฟ้ากำลังไม่แรงมากนัก ดังนั้น เหมาะกับ:

  • การสำรองไฟฟ้าในบ้านหรือร้านค้าเล็ก ๆ เช่น ใช้เปิดโคมไฟ, พัดลม, ทีวี, ปั๊มน้ำขนาดเล็ก, หรืออุปกรณ์ไฟฟ้าภายในบ้านในช่วงไฟดับ
  • งานในพื้นที่ที่ไฟฟ้าสาธารณะเข้าไม่ถึง เช่น บ้านพักนอกเมือง, บ้านสวน, งานเกษตร, งานฟาร์ม, แคมป์ หรือที่พักชั่วคราว
  • สำหรับอุปกรณ์ไฟฟ้าขนาดกลางเล็ก ที่ไม่ใช้กำลังมาก เช่น โคมไฟ, ปั๊มน้ำ, เครื่องชาร์จแบตเตอรี่, อุปกรณ์ไฟฟ้าพื้นฐาน
  • งานชั่วคราว / ไลท์ดิวตี้ เหมาะกับงาน DIY, งานเล็ก ๆ, งานก่อสร้างขนาดเล็กที่ใช้เครื่องมือไฟฟ้ากำลังไม่สูงมาก (เช่น สว่านเล็ก, เครื่องมือไฟฟ้าเบา)
  • ใช้แบบพกพา / ย้ายสถานที่ได้ง่าย เพราะเครื่องมีขนาดไม่ใหญ่เกินไป เหมาะกับงานที่ต้องย้ายตำแหน่ง เช่น อาคารชั่วคราว งานซ่อม บ้านสวน

ข้อจำกัดที่ควรพิจารณา

  • เนื่องจากกำลังไฟไม่สูง (2.52.8 kW) ไม่เหมาะกับการใช้งานที่ต้องใช้พลังงานสูง เช่น เครื่องปั่นลมขนาดใหญ่, เครื่องเชื่อมไฟฟ้าแรงสูง, หรืออุปกรณ์ที่ต้องการกำลังไฟหลายกิโลวัตต์
  • ถ้าโหลดเกินกำลัง (เครื่องใช้ไฟฟ้าหลายตัวพร้อมกัน) อาจทำให้เครื่องทำงานหนักเกินไป หรือตัวเครื่องอาจไม่เสถียร
  • สตาร์ทมือ (manual start) อาจไม่สะดวกถ้าต้องสตาร์ทบ่อย

เครื่องปั่นไฟ ROWEL รุ่น RW-8500EA 8300วัตต์

  • เครื่องยนต์: เบนซิน 4 จังหวะ, 1 ลูกสูบ (รุ่น H192F)
  • กำลังไฟฟ้า: กำลังใช้งานปกติราว 7.5 kW และ กำลังไฟสูงสุด ราว 8.3 kW
  • แรงดันไฟฟ้า: 220240 V (1 เฟส) / 50 Hz และบางรุ่น/สเปกระบุว่าอาจรองรับ 380 V (3 เฟส) ได้ ขึ้นกับรุ่นย่อย/การต่อสายไฟ (ดู spec ที่จำหน่าย)
  • ถังน้ำมันเชื้อเพลิง: ความจุสูง (ประมาณ 25 ลิตร) ให้เวลาใช้งานที่ค่อนข้างยาว
  • ระบบสตาร์ท: มีทั้ง ลานดึง (recoil start) และ สตาร์ทด้วยกุญแจ/สวิตช์ (electric start / key start) สะดวกในการใช้งานครั้งต่อ ๆ ไปโดยไม่ต้องดึงทุกครั้ง
  • โครงสร้าง/เฟรมแข็งแรง: ตัวเครื่องออกแบบให้รับภาระได้ เหมาะกับงานหนัก มีความทนทานตามมาตรฐานเครื่องปั่นไฟกลาง-ใหญ่

เหมาะกับการใช้งานแบบไหน ?

  • งานก่อสร้าง / งานไซต์งาน เช่น ใช้กับเครื่องมือไฟฟ้ากำลังสูง, ปั๊มน้ำ, คอมเพรสเซอร์, เครื่องตัด-เจียร, ไฟสว่างไซต์งาน ฯลฯ ที่ต้องใช้พลังไฟค่อนข้างมาก
  • บ้านพักขนาดกลางใหญ่ / ร้านค้า / อาคารพาณิชย์ที่ต้องการ ไฟสำรอง / ไฟฉุกเฉิน เพราะกำลังไฟเพียงพอที่จะจ่ายอุปกรณ์หลายชิ้นพร้อมกันได้
  • งานเกษตร / ฟาร์ม / งานในพื้นที่ที่ไม่มีไฟฟ้าเข้าถึง ใช้สำหรับปั๊มน้ำ, ระบบไฟภายนอก, อุปกรณ์บนแปลงเกษตร ฯลฯ
  • งานที่ต้องการใช้ไฟฟ้า ต่อเนื่องหลายชั่วโมง ถังน้ำมันใหญ่ + กำลังดี เหมาะกับการใช้งานยาว (เช่น ค้างคืน, ใช้ทั้งวัน)

️ ข้อจำกัด / สิ่งที่ควรพิจารณา

  • ขนาดและน้ำหนักค่อนข้างมาก ตัวเครื่องใหญ่และค่อนข้างหนัก (ตามสเปกโดยทั่วไป) ถ้าต้องย้ายบ่อยอาจไม่สะดวกนัก
  • เสียงและการสั่นอาจอยู่ในระดับที่ค่อนข้างดัง/รุนแรง เพราะเป็นเครื่อง open-frame / non-inverter / เครื่องกำลังสูง ถ้าใช้งานในที่พักอาศัยอาจสร้างเสียงรบกวนได้ (แม้ว่าบางร้านระบุ ~ 76 dB)
  • ไฟฟ้าอาจไม่ นิ่งพิเศษ เหมือนรุ่นอินเวอร์เตอร์ เนื่องจากเป็นเครื่องกำเนิดแบบมาตรฐาน (non-inverter) จึงอาจมีความผันผวนของแรงดัน/ความถี่ ถ้าโหลดเปลี่ยนแปลงมาก ไม่แนะนำให้ใช้กับอุปกรณ์ที่ไวต่อไฟฟ้ามาก เช่น คอมพิวเตอร์-เซิฟเวอร์ sensitive, อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ต้องไฟนิ่งสุด ๆ (ควรมี UPS หรือ อินเวอร์เตอร์เสริม)
  • สิ้นเปลืองเชื้อเพลิง & เสียงขณะใช้งานสูงกว่ารุ่นเล็ก/อินเวอร์เตอร์ ถ้าใช้งานเบาแต่ใช้เครื่องใหญ่ อาจ สิ้นเปลืองเกินจำเป็น ทั้งน้ำมันและเสียง
  • ไม่ได้ออกแบบให้ เงียบ หรืองานที่ต้องความสะดวกในการเคลื่อนย้ายบ่อยๆ ถ้าต้องใช้งานในบ้านพัก ใกล้ที่อยู่อาศัย อาจไม่เหมาะเท่ารุ่นเล็กหรือ inverter

สรุป

เครื่องปั่นไฟกลายเป็นอุปกรณ์จำเป็นในยุคปัจจุบัน เพราะธุรกิจ บ้านพักอาศัย และงานนอกสถานที่ต่างต้องการไฟฟ้าที่ต่อเนื่องและเสถียร แม้ไฟดับไม่กี่นาทีก็อาจทำให้เกิดความเสียหายต่อธุรกิจ งานผลิต หรือความปลอดภัยได้ เครื่องปั่นไฟจึงช่วยให้การทำงานดำเนินต่อได้ไม่สะดุด ทั้งในร้านค้า โรงงาน สำนักงาน งานก่อสร้าง ไปจนถึงกิจกรรมกลางแจ้งและงานภาคสนาม นอกจากนี้ยังมีรุ่นพกพาที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ใหม่ เช่น แคมป์ปิ้งหรือทำคอนเทนต์ ทำให้ทุกคนเข้าถึงพลังงานได้ง่ายขึ้น


บทความที่เกี่ยวข้อง
icon-messenger
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ